ม.๑๑๒

“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น
หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์
พระราชินี รัชทายาท
หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

จำนวนคดีที่เกิดขึ้น

มาตรา 112 มีการตีความการกระทำอย่างไร้ขอบเขต แต่ทุกคนสามารถผู้กล่าวโทษให้ดำเนินคดีได้ จึงมีการกล่าวหากันเป็นจำนวนมากในช่วงที่มีความขัดแย้งทางการเมืองหลังจากปี 2548 เป็นต้นมา

ที่มา: iLaw

ความเห็นนักวิชาการ

“ปัญหาใหญ่มากๆ ของมาตรา 112 คือมันมีนโยบายที่ให้ใช้อย่างร้ายแรงที่สุด ให้เป็นความลับ มันทำให้ภาพลักษณ์ของระบบยุติธรรมในคดี 112 เป็นกฎหมายที่ไม่ชัดเจนแน่นอน กฎหมายไม่มีความโปร่งใส และไม่สมเหตุสมผล ไม่ว่าต่อไปนี้คุณจะตัดสินคดีอื่น คดีไหนก็ตาม คนก็จะเกิดความไม่เชื่อถือ เกิดความสงสัยในการกระทำของสถาบันตุลาการ ถ้าเป็นอย่างนั้นสังคมไทยอยู่ไม่ได้”

detail-1

ดร. เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง

คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“เราสามารถมีระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ แต่เราก็สามารถทำให้กฏหมายนั้น มันไม่ขัดแย้งต่อหลักการพื้นฐาน สิทธิ และเสรีภาพของประชาชนในสังคมประชาธิปไตยได้ และนั่นก็ควรเป็นสิ่งที่ควรจะทำ”

รองศาสตราจารย์ ดร. วาสนา วงศ์สุรวัฒน์

คณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

detail-2

“ควรมีบุคคลหรือองค์กรในระดับสูง ซึ่งไม่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยทางหนึ่งทางใด อาจเป็นองค์กรที่มีอยู่แล้วเช่น อัยการสูงสุด รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรี หรือตั้งองค์กรใหม่ขึ้นกลั่นกรองก่อนจะอนุมัติให้ดำเนินคดีได้ อย่าปล่อยให้ใครๆ ก็สามารถตั้งตัวเป็นโจทย์ฟ้องร้องได้ และปล่อยให้ตำรวจชั้นผู้น้อยและอัยการชั้นผู้น้อย ต้องใช้วินิจฉัยของตนเองว่าจะดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งยากที่จะใช้อำนาจวินิจฉัยนั้นอย่างเที่ยงธรรม”

detail-3

นิธิ เอียวศรีวงศ์

อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่